เจดีย์เหลยเฟิง แต่เดิมเป็นเจดีย์ 8 เหลี่ยม สูง 5 ชั้น โครงหลักสร้างจากไม้ ส่วนภายนอกนั้นเป็นอิฐสีแดง-น้ำตาล โดยเจดีย์แห่งนี้จะงดงามที่สุดในช่วงเวลายามเย็นเมื่อพระอาทิตย์คล้อยลงมา ให้แสงที่กลมกลืนไปกับสีของเจดีย์ ในเวลาต่อมาแคว้นอู่เยว่ก็ถูกรวมเข้าไปกับราชวงศ์ซ่งเหนือ ทำให้ เจดีย์เหลยเฟิงไม่ได้ถูกบูรณะซ่อมแซมเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ชาวบ้านยังหวั่นเกรงกันว่า รอบเจดีย์ดังกล่าวมีคำสาปของนางพญางูขาวที่เคยถูกกักขังอยู่ ในที่สุดวันที่ 25 กันยายน ค.ศ.1924 เจดีย์เดิมที่โครงทำจากไม้ก็พังลงมาในที่สุด
เจดีย์เหลยเฟิง หลังจากพังทลายไปเมื่อปี ค.ศ.1924 แต่ด้วยฐานะที่เคยเป็นหนึ่งใน 'สิบทิวทัศน์' ที่สวยงามที่สุดของซีหู โดยได้รับการขนานนามว่า 'แสงอาทิตย์อัสดงที่เหลยเฟิง' ทำให้ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 มีความคิดกันว่า ควรที่จะบูรณะและสร้างเจดีย์แห่งนี้ขึ้นมาต้อนรับศตวรรษใหม่ เพื่อฟื้นทัศนียภาพเดิมขึ้นมาอีกครั้ง และจุดมุ่งหมายสำคัญคือ การรักษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม รวมถึง ส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองหังโจวให้เข้ากับยุคสมัย โครงการสร้างเจดีย์เหลยเฟิงใหม่ นี้กลับมีผู้คัดค้านอยู่บ้าง อย่างเช่นนักวิชาการที่เชื่อว่าของใหม่ยังไงก็สู้ของเก่าโทรม ๆ ไม่ได้ และ บรรดาชาวบ้านที่ยังเชื่อถือเรื่องราวของ นางพญางูขาว โดยมีการตั้งคำถามว่า การสร้างเจดีย์ขึ้นมาอีกครั้งจะคล้ายกับเป็นการทรยศต่อเธอผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงามหรือไม่ โดยเจดีย์ใหม่นี้ สร้างบนพื้นฐานของเจดีย์เดิม คือ เป็นเจดีย์ 8 เหลี่ยมขนาด 5 ชั้น แต่มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างออกไป ซึ่งชาวหังโจวบางคนก็ว่าสวยกว่าของเดิม แต่บางคนกลับบอกว่า ไม่สวยโดยเฉพาะ เวลากลางคืนที่เจดีย์เหลยเฟิงจะเปิดไฟสีสันแสบตา สำหรับส่วนฐานชั้นล่างสุดได้จัดเป็นนิทรรศการแสดงความเป็นมาเจดีย์เหลยเฟิงตั้งแต่ยุคเริ่มแรกจนถึงเจดีย์องค์ปัจจุบัน โดยบริเวณส่วนกลางเป็นซากเจดีย์เก่า ถัดขึ้นไปชั้นที่สอง เป็นภาพไม้สลักนูน 8 ภาพเล่าเรื่องราวอย่างย่อๆ ของ ตำนานนางพญางูขาว ขณะที่ชั้นบนสุดนั้นเป็นภาพพุทธประวัติพร้อมๆ กับเปิดระเบียงรอบๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมทิวทัศน์