ศาลหลักเมืองแพร่
เมื่อปีพ.ศ.1387ขุนหลวงพล เป็นเจ้าหลวงผู้ครองเมืองแพร่ซึ่งมีชื่อว่าเมืองพล หรือ พลรัฐนคร เป็นชื่อดั้งเดิมของเมืองแพร่ ในสมัยที่ก่อสร้างเมืองขึ้นคร้งแรก บางครั้งเรียกว่า พลนคร ชื่อพลนครปัจจุบันมีปรากฎเป็นชื่อ วิหารในวัดหลวง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ ซึ่งวัดหลวงเป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่าสร้างมาพร้อมกับการสร้างเมืองแพร่ เป็นวัดที่เจ้าเมืองแพร่ให้ความอุปถัมภ์มาโดยตลอดจนหมดยุคเจ้าเมืองตำนาน เมืองเหนือฉบับใบลาน
ต่อมา พ.ศ.1559 พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสนเรียกเมืองแพร่ว่า เมืองโกศัย หรือ โกสิยนคร เมืองแพล เป็นชื่อเรียกในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งกรุงสุโขทัยโดยศิลาจารึก ด้านที่ 4 ระบุว่าในสมัยพ่อขุนรามคำแหงฯ ได้มีการขยายอาณาเขตให้กว้างยิ่งขึ้น ในตำนานเมืองเหนือเรียกเมืองแพร่ว่า เมืองพล ขณะที่ศิลาจารึกเรียก เมืองแพล แต่เมื่อพิจารณาสภาพทางภูมิศาสตร์สามารถกล่าวได้ว่า เมืองพลกับเมืองแพลเป็นเมืองเดียวกันเมืองแพร่ เป็นชื่อที่คนไทยในอาณาจักรสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา ใช้เรียก เมืองแพลโดยกลายเสียงเป็นแพรหรือเมืองแป้ หมายถึงเมืองแห่งชัยชนะ (แป้ คือ ชนะ) แล้วก็มาเป็น แพร่ ตามภาษาของภาคกลาง
ยอดหลังคาเป็นรูปทรงเจดีย์พลิ้วงามด้วยใบโพธิ์ ต่อมาได้รับพระราชทานเสาหลักเมืองแพร่เป็นเสาไม้ยมหินขนาดเขื่องจากองค์พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้อัญเชิญมาประดิษฐานในศาลหลักเมืองแพร่หลังใหม่วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2537 ส่วนศิลาจารึกที่ใช้เป็นศาลหลักเมืองแพร่เดิม ตั้งไว้ด้านหลังของเสาหลักเมือง
นอกจากที่นี่ จะเป็นที่ตั้งศาลหลักเมืองแพร่ แล้วยังเป็นที่ตั้ง จารึกศาลหลักเมือง
จารึกศาลหลักเมืองแพร่ วัสดุที่ใช้ทำ แผ่นหิน ตัวอักษร ภาษาเมือง หรืออักษรลานนา เนื้อหา เป็นเรื่องราวการสร้างวัดศรีบุญเรือง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ที่มา มีคนพบทิ้งไว้และเห็นว่าเป็นแผ่นหินที่มีความศักดิ์สิทธิ์