How To Train Your Dragon อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร ที่มาพร้อมเรื่องราวสนุกสนานที่จะทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น แปลกใหม่ ไปกับ เผ่าพันธุ์มังกรหลากหลายคาแรคเตอร์
ซึ่งทั้งน่ารัก และ น่าเกรงขาม คงอยากรู้กันแล้วซิว่า How To Train Your Dragon อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร จะสุดหรรษา มันส์ ฮา ขนาดไหน? จะมัวรอช้าอยู่ทำไม ไปดูกันเลย...
คุณรู้หรือเปล่าว่า...
- How To Train Your Dragon อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร คือผลงานชิ้นล่าสุดของค่าย ดรีมเวิร์คส์ สตูดิโอที่เคยสร้างผลงานแอนิเมชั่นสนุกสุดหรรษาอย่าง
Shrek, Madagascar, Kung Fu Panda และ Monsters VS Aliens จนถูกใจคอหนังทั่วโลกมาแล้ว
- How To Train Your Dragon อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร ได้ดาราวัยรุ่นมากความสามารถอย่างวิน ธาวิน และ เชียร์ ฑิฆัมพร
มาจับคู่พากย์เป็นครั้งแรก พร้อมด้วย หนุ่ม คงกะพัน ที่มาให้เสียงหัวหน้าเผ่าไวกิ้ง
- แฟนหนังชาวไทยได้ชม How To Train Your Dragon อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร ก่อนอเมริกาถึง
1 สัปดาห์ โดยประเดิมฉายในระบบ 3D เป็นการชิมลางก่อนวันที่ 18 มี.ค.53 และฉายจริงทุกระบบ 25 มี.ค.53
How To Train Your Dragon
ว่าที่หนังแอนิเมชั่นยอดฮิตเรื่องล่าสุด
How To Train Your Dragon ได้รับการคาดหมายว่าน่าจะเป็นหนังแอนิเมชั่น จาก ดรีมเวิร์คส์
อีกหนึ่งเรื่อง ที่จะได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลกจะเป็นจริงอย่างนั้นหรือเปล่า? แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้น?
ถ้าอยากรู้ คำตอบอยู่ด้านล่างนี้แล้ว...
จากหนังสือสู่แอนิเมชั่นเรื่องเยี่ยม
ความจริงแล้ว How To Train Your Dragon ดัดแปลงมาจากหนังสือที่มีชื่อเรื่องเดียวกัน
ของ เครสสิด้า โคเวลล์ ซึ่งเธอได้เขียนหนังสือชุดนี้ออกมาด้วยกันทั้งหมดถึง 8 เล่มโดยคนที่มารับหน้าที่
ผู้กำกับหนังฉบับแอนิเมชั่นก็คือ ดีน เดอบลอยส์ และ คริส แซนเดอร์สคู่หูที่เคยสร้างความประทับใจ
ให้เรามาแล้วจาก Lilo & Stitch นั่นเอง
จากสตูดิโอเจ้าของหนังแอนิเมชั่นเรื่องฮิต
How To Train Your Dragon คือผลงานเรื่องล่าสุดของค่าย ดรีมเวิร์คส์ สตูดิโอที่เคยสร้าง
ผลงานสุดบันเทิงเริงรมย์อย่าง Shrek,Madagascar, Kung Fu Panda และ Monsters VS Aliens เพราะฉะนั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า How To Train Your Dragon จะต้องเป็นหนังแอนิเมชั่น สุดหรรษา น่ารัก มันส์ ฮา!
ไม่แพ้ผลงานก่อนๆ ของค่าย ดรีมเวิร์คส์ อย่างแน่นอน...
พล็อตเรื่องแสนสนุก สุดอลเวง
How To Train Your Dragon เล่าเรื่องของ ฮิคคัพ ไวกิ้งหนุ่มวัยทีนผู้ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะเบิร์ก
ที่ซึ่งการต่อสู้กับมังกรคือวิถีแห่งชีวิตผู้คนบนเกาะนี้ ด้วยบุคลิคกับอารมณ์ขันที่ไม่เหมือนใครทำให้เขา
ไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากคนอื่นๆ รวมถึงพ่อของเขาที่เป็นหัวหน้าเผ่าด้วย เรื่องราวการผจญภัยที่
น่าตื่นเต้นเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาที่ ฮิคคัพ ต้องเข้าฝึกการต่อสู้กับมังกร เช่นเดียวกับไวกิ้งแตกหนุ่มคนอื่นๆ
เขาเห็นถึงโอกาสที่จะพิสูจน์เลือดนักสู้ของตัวเอง แต่เมื่อเขาได้พบกับเจ้ามังกรที่ได้รับบาดเจ็บ
โลกของไวกิ้ง ฮิคคัพ ก็กลับตาลปัตร การพิสูจน์ความกล้าหาญครั้งนี้ กลับกลายเป็นโอกาสที่
จะสร้างอนาคตใหม่ของชนเผ่าไวกิ้งทั้งหมด
ทำไมถึงต้องดู
เอาแค่เป็นหนังแอนิเมชั่นที่มาจากสตูดิโอระดับ ดรีมเวิร์คส์ แล้ว แทบจะเชื่อขนมกินได้เลยว่า
How To Train Your Dragon จะต้องเป็นหนังแอนิเมชั่นที่สนุกแบบครบรสอย่างแน่นอน
และถ้ายิ่งได้ดูหนังเรื่องนี้แบบ 3D ด้วยแล้วล่ะก็ รับรองงานนี้ได้ สนุกกัน เต็มอิ่ม เต็มตา อย่างแน่นอน!
How to Train Your Dragon รักมังกรให้ผูก รักลูกให้ตี
แอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดของดรีมเวิร์คส์ ที่หยิบเอาแคเร็กเตอร์ที่ถูกลืมอย่าง มังกร กลับมาขึ้นจอใหม่อีกครั้ง
How to Train Your Dragon เล่าเรื่องของฮิคคัพ ไวกิ้งหนุ่มที่ดูจะไม่ค่อยลงรอยกับพ่อซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าไวกิ้ง
แห่งเกาะเบิร์กสักเท่าไหร่ เพราะแทนที่จะมีเลือดนักรบแบบที่พ่อหวังไว้ แต่เขาดูเหยาะแยะ นุ่มนิ่มไม่มีบุคลิกความ
เป็นชายชาติทหารเอาเสียเลย จนต้องถูกส่งไปดูแลคลังอาวุธ ในขณะที่ ชายฉกรรจ์ในเผ่าคนอื่นๆ ถูกเกณฑ์ออกไป
รบกับเหล่ามังกร ที่ถือเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของผู้คนบนเกาะนี้มาช้านาน
แต่แล้ว จุดหักเหในชีวิตของ ฮิคคัพ (และชาวเกาะเบิร์กทุกคน) ก็มาถึง เมื่อเขาดันไปจับมังกร ไนท์ เฟอรี่ ซึ่งถือเป็นมังกรที่หายากที่สุดและเฉลียวฉลาดที่สุดได้แบบโชคช่วยและแทนที่จะจัดการฆ่ามังกรตัวนี้ซะเพื่อเป็น
การพิสูจน์ให้พ่อรวมถึงทุกคนในเผ่าได้เห็นถึงความกล้าหาญของเขา แต่ฮิคคัพ กลับปล่อยเจ้าไนท์ เฟอรี่ เป็นอิสระและนั่นคือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพระหว่างมนุษย์กับมังกรที่จะเปลี่ยนแปลงความเชื่อและวิถีชีวิตของ
ชาวไวกิ้งไปตลอดกาล ซึ่งนำไปสู่ประเด็นหลักของหนังที่พยายามนำเสนอว่า
บางครั้งการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเสมอไป (เอ๊ะ...ทำไมเข้ากับสถานการณ์ในบ้านเราตอนนี้เลยล่ะ!)
How to Train Your Dragon มีทั้งจุดเหมือน และจุดแตกต่างจากแอนิมิชั่นเรื่องก่อนๆ ของดรีมเวิร์คส์
มาว่ากันที่จุดเหมือนก่อนนั่นคือ การที่หนังมีตัวละครเอกที่แปลกแยก ดูเป็นคนนอกไม่ได้รับการยอมรับจากคนในสังคม ซึ่งลุกขึ้นมาพิสูจน์คุณค่าของตัวเองให้คนอื่นๆ ได้เห็น ในขณะที่เรื่องนี้ มีไวกิ้งที่ไม่ฆ่ามังกรอย่าง ฮิคคัพ
เรื่องก่อนๆก็มีตัวละครอย่าง เหล่าสัตว์ประหลาด ใน Monsters VS Aliens, อเล็กซ์เจ้าป่าที่ไม่ใช่นักล่าในMadagascar
หรือ โป แพนด้าที่ไม่ยอมสานต่อกิจการร้านบะหมี่จากพ่อ และหันไปฝึกกังฟูใน Kung Fu Panda
ส่วนจุดที่ How to Train Your Dragon ดูจะแตกต่างออกไปจากผลงานของดรีมเวิร์คส์เรื่องก่อนๆ ก็คือ ในส่วนของเนื้อหา ที่คราวนี้ดูจะมีสาระที่จับต้องได้มากขึ้นขณะเดียวกันก็ยังไม่ทิ้งอารมณ์ที่สร้างทั้งความสนุกหรรษา และอบอุ่นซาบซึ้งให้กับคนดู
เรื่องราวใน How to Train Your Dragon นั้นจงใจที่จะแสดงให้คนดูเห็นว่า ทั้ง ฮิคคัพ และ ไนท์ เฟอรี่ ต่างเป็นตัวละครที่แปลกแยกและเป็นส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกัน ฮิคคัพ
ได้ตระหนักถึงความกล้าหาญและขีดความสามารถของตัวเองเมื่อได้มาพบกับ ไนท์ เฟอรี่ ส่วน
(มังกรหางขาด บินไม่ได้) อย่าง ไนท์ เฟอรี่ ก็คงจะมีสภาพไม่ต่างอะไรจากจิ้งจกหรือตุ๊กแกยักษ์ถ้าไม่ได้มาพบกับฮิคคัพ
เช่นกัน มีอยู่หลายๆ ฉากที่ยืนยันประเด็นนี้ได้เช่น ฉากที่พ่อถามฮิคคัพ ว่า ทำไมจับมังกรตัวนี้ได้แล้วไม่ฆ่ามันซะ ซึ่งฮิคคัพ
ตอบพ่อไปว่า เพราะตอนที่มองมังกรตัวนี้ เขาเหมือนมองเห็นตัวเองหรือฉากตอนใกล้จบที่ ฮิคคัพ ตื่นขึ้นมาในสภาพร่างกายที่
ไม่สมบูรณ์ เขาก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าไนท์ เฟอรี่ หางด้วน ซึ่งต่อจากนี้ไปทั้งคู่ก็จะต้องเป็นแขน เป็นขา และเป็นหาง ให้กันและกัน
นอกจากนี้ How to Train Your Dragon ยังแทรกประเด็นความสัมพันธ์ที่ดูเหินห่างระหว่างพ่อ-ลูกเอาไว้ด้วย
ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามสูตรสำเร็จ ที่เริ่มจากความไม่เข้าใจจนนำไปสู่การพิสูจน์ตัวเองให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมรับ
ก่อนที่จะลงเอยด้วยความซาบซิ้ง ตรึงใจ แฮ็ปปี้ เอ็นดิ้ง
ถึงแม้ How to Train Your Dragon จะไม่ได้ทำให้เรารู้สึกสนุกถึงขีดสุด แต่ก็น่าจะทำให้คนดู (ทั้งเด็กและผู้ใหญ่) รู้สึกเพลิดเพลิน
บันเทิงใจ ไม่น้อยทั้งเรื่องราวที่น่าตื่นเต้น มุกตลกฮาๆ ตัวละครน่ารักๆ ไปจนถึงงานภาพที่มีฉากใหญ่ๆ ให้ได้ โชว์ของ กันหลายฉาก
โดยเฉพาะใครที่ได้ดูหนังแบบ 3D หรือ IMAX คงจะตื่นตาตื่นใจกับฉากที่ฮิคคัพ ขี่มังกรทะลุฟ้าบินโฉบเฉี่ยวท้องทะเล
หรือจะเป็น ฉากที่ฮิคคัพกับไนท์ เฟอรี่ ต้องต่อสู้กับมังกรตัวพ่อตอนท้ายเรื่อง ก็น่าจะทำเอาหลายๆ คนลุ้นชนิดนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยทีเดียว!