ตรุษจีน เป็นวันสำคัญที่มีมาแต่โบราณที่เรียกว่า "กว้อชุนเจี๋ย" หรือ "กว้อเหนียน" เล่ากันว่าในสมัยโบราณ มีสัตว์ป่าที่ดุร้ายและออกอาละวาดกินคนเป็นประจำ มันมีชื่อว่า "เหนียน" เทพเจ้าเห็นดังนั้น จึงลงโทษ อนุญาตให้มันลงเขาได้เพียงหนึ่งครั้งใน 365 วัน ซึ่งก็คือ วันที่ 30 เดือน 12 ยามฤดูหนาวใกล้จะผ่านไปฤดูใบไม้ผลิเวียนมาใกล้ เพื่อป้องกันการมาของเหนียนในวันนั้น ทุกๆ ครัวเรือนต่างสะสมเสบียงอาหารไว้ในบ้าน เมื่อถึงตอนค่ำ ก็จะปิดประตูและหน้าต่างเอาไว้ ไม่หลับไม่นอนตลอดคืนเพื่อต่อสู้กับเหนียน จนกระทั่งถึงรุ่งเช้าก็จะเป็น วันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 เมื่อ เหนียน กลับไปแล้ว ทุกๆครัวเรือนก็จะเปิดประตูออกมายินดีต่อกันที่โชคดีที่ไม่ได้ถูกเหนียนทำร้าย
มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อเหนียนมาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังหวดแส้ เล่นกัน เสียงดัง เมื่อเหนียนได้ยิน ก็ตกใจเผ่นหนีไป และเมื่อเหนียนไปถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เห็นมีชุดผ้า สีแดง ตากอยู่หน้าบ้านของครอบครัวหนึ่ง ทำให้เหนียน ตกใจและเผ่นหนีกลับไปอีก เมื่อเหนียนไปถึงหมู่บ้านแห่งที่สาม ปรากฏว่าไปพบเห็นกองเพลิงกองหนึ่งบนถนน แสงไฟที่เจิดจ้า ทำให้เหนียนต้องเผ่นหนีไปอีก ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนต่างรู้ว่า แม้ว่าเหนียนจะดุร้ายแต่มันก็กลัว สีแดง, เสียงดัง และไฟ ทำให้ผู้คนสามารถคิดหาวิธีกำจัด เหนียนได้
จากนั้นเมื่อวันส่งท้ายตรุษจีนเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ทุกๆ ครัวเรือนจึงต่างนำเอากระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้านแขวนโคมไฟสี แดง พร้อมกลับจุดประทัดและตีฆ้องรัวกลองอย่างต่อเนื่อง เมื่อเหนียนมาถึงในตอนเย็น เห็นทุกๆครัวเรือนมีแสงไฟสว่างมีประทัดดังสนั่นจึงตกใจเผ่นหนีเข้าป่าไป และไม่กล้าออกมาอาละวาดอีก ทุกๆ คนจึงผ่านพ้นคืนแห่งอันตรายไปอย่างปลอดภัย เมื่อฟ้าสางแล้วผู้คนจึงออกมาจากบ้าน กล่าวคำอวยพรซึ่งกันและกันอย่างมีความสุข พร้อมกับการนำเอาอาหารออกมารับประทานร่วมกันอย่างสนุกสนาน
ต่อมาวันดังกล่าวจึงกลายมาเป็นวันเฉลิมฉลองที่มีแต่ความสุขที่เรียกกันว่า "ตรุษจีน"