กระทู้ทรงคุณค่า เตรียมล่วงหน้ากว่า 4 เดือน เที่ยวได้หลายที่ในทริปเดียว จากการเดินทางครั้งนี้ เริ่มกันตั้งเเต่ ขึ้นเครื่องจากสนามบินดอนเมือง Flight 07:00น. ถึงสนามบินสุราษฎร์ธานี 08:10น.
ก่อนเดินทาง1วันโทรจองรถตู้ไปเขื่อน ถึงแล้วออกจากประตูผู้โดยสารขาเข้าแล้ว จะเห็นรถตู้จอดอยู่หลายคัน รอแถวๆนั้นเลยครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 น.
เมื่อมาถึงท่าเรือแล้วโทรหาที่แพเลยครับ หรือโทรตั้งแต่ลงเครื่องก็ได้ เค้าจะกะเวลาให้คนขับเรือมารอ แล้วพี่คนขับเรือก็จะมาแสตนบายรอเราที่ท่าเรือ เค้าจะโทรหาเราเมื่อรถตู้จอดก่อนลงเรือก็ต้องไปจ่ายค่าธรรมเนียมก่อนครับ คนละ40บาท จะมีป้อมของอุทยานตั้งอยู่
บรรยากาศดีมากครับ สวยงามเหมือนเข้าไปอยู่อีกเมืองนึงเลย ประทับใจจริงๆ พี่คนขับถามเราว่าจะไปเขาสามเกลอเลยมั้ย วันนี้ฟ้าเปิดวันแรกในรอบสัปดาห์เลยนะ เดวพรุ่งนี้เช้าฝนจะตก เราก็รีบตกลงเลยครับ ตามนั้นเลยพี่ ไปๆ ลุยกันเลยครับ ผมว่าการถ่ายรูปกับหัวเรือที่นี่เป็นอีกหนึ่งsignature สำคัญเลยครับ
ถึงแล้วเขาสามเกลอ อยู่ตรงข้ามแพนางไพรของเราเลย ไม่ไกลมาก นี่คนแบกขากล้อง ของผมครับ เลขาส่วนตัว ถ่ายให้เค้าหน่อยเดี๊ยวจะหาว่ามาไม่ถึง เรือเราเหมาลำมาครับ จุได้ลำละ 10 คน มาเยอะก็หารกันถูก ราคาก็แตกต่างกันไปตามระยะทางที่จะไปแต่ละแพ ของเราพักที่แพนางไพร ใกล้ที่สุดครับ ก็ลำละ 2000 บาท เรือจะค้างคืนที่แพและรอไปส่งเราขึ้นฝั่งพรุ่งนี้เช้าเลย ส่วนเรือนี่ติดต่อกับ บริษัทเรือรุ่งโรจน์ได้เลยครับ ขอคำปรึกษาเรื่องที่พัก การเดินทาง ได้หมดเลย แต่ของเราทางแพจองเรือไว้ให้แล้วครับ
ถึงแล้วครับแพของเรา ออกจากเขาสามเกลอแล้วเราก็นั่งเรือมาอีกนิดนึงถึงเลย สำหรับ แพนางไพร เป็นแพที่พักของอุทยาน ห้องน้ำรวม ราคาอยู่ที่คืนละ 300-500 บาทต่อคนแล้วแต่ช่วง low หรือ high ถ้าจะรับอาหารด้วยก็เพิ่มมื้อละ 200 ต่อคน อาหารเช้ามื้อละ 100 บาทต่อคน
ของเรา 2 คนเลือกพัก 1 คืน และรับอาหารเย็นและเช้า ก็ตกคนละ 800 บาทครับ 2 คนก็ 1600 บาท
ที่นี่ใช้ไฟได้ ช่วงหกโมงเย็นถึงเที่ยงคืนครับ จะมีที่ส่วนกลางให้นั่งชาร์จกัน มีปลั๊กสามตาเพียงพอแน่นอน (ที่ห้องพักไม่มีปลั๊กไฟนะครับ)
ภาพนี้ คือ วิว จากด้านหน้าห้องพักของเรา
บริเวณด้านในห้องพัก ที่นอนของเราง่ายๆ พื้นๆ แต่อากาศไม่ร้อนนะครับ มีลมพัด ช่วงกลางคืนอากาศเย็น เพราะอยู่ใกล้เขื่อน เปิดประตูออกมาเห็นภูเขาสีเขียวๆ กับน้ำในเขื่อนใสๆ ที่สามารถโดลงไปเล่นได้เลย พี่เจ้าของแพบอกว่าที่น้ำที่นี่ เขียวสวยนี่เพราะว่า ลึกมากกก ทำอะไรตกลงไปก็ทำใจและโบกมือลาอย่างเดียว
*บริเวณหน้าห้องของเรา สามารถลงเล่นน้ำได้เลยครับ มีชูชีพให้ มีเรือพายฟรี
แก๊งค์ปลากระแหครับ จะมารอกินข้าวโพดเม็ด ที่แพขายถุงละ10บาท ที่พักที่นี่จะรองรับนักท่องเที่ยวขาจรแบบ ไม่พักค้างคืนด้วยนะครับ พอเรือพานักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปที่เขาสามเกลอมาก็จะเเวะมาให้อาหารปลาต่อที่แพนางไพรนี่
มื้อเย็นของเราาา กินกันสองคน แน่นครับ เติมได้นะเรื่อยๆ ยกเว้นปลาทอดกับผลไม้ รสชาติบ้านๆ ข้าวหุงแบบไม่นุ่มมากไม่แข็งมาก อร่อยอะ ใช้ได้เลย
ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้าแล้วก็นั่งเรือกลับเลยครับ เพราะเราแวะเขาสามเกลอมาแล้ว จริงอย่างที่น้องบอก ฝนตกหนักมากกกตั้งแต่ตีสามยาวยันเช้าก็ยังปอยๆตลอด เราเลยรีบนั่งเรือฝ่าเม็ดฝนออกมาขึ้นรถตู้
ถึงฝั่งแล้วก็โทรหารถตู้ได้เลย โดยรถจะออกทุกๆ 1 ชั่วโมง ขึ้นรถก็บอกเค้าว่าลงที่ลมพระยา ตรงขนส่ง. ก็ใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมง ก็ถึงที่ศูนย์เรือลมพระยาครับ เมื่อถึงเเล้ว ก็ยื่นรหัสให้เค้าดู เพื่อแลกตั๋ว เช็คอิน รอรถมารับไปท่าเรือ
เราจองที่นั่งไว้จากแอพของลมพระยา สะดวกมาก ค่าใช้จ่ายคนละ 800 บาท รวมค่ารถบัส ค่าเรือแล้ว
รถบัสมารับประมาณ 14.30 น. เวลาเหลือเยอะ เราเลยโบกสองแถวข้างหน้าซอยนั่นแหละครับ ไปเซนทรัล ไปตลาดเดินเล่น กลับมานั่งรอได้ครึ่งชั่วโมง รถบัสมารับเราไปท่าเรือดอนสักละครับ
ถึงแล้วครับ ใช้เวลา 1.30 น. ถึงท่าเรือ ไปถึงก็ถือของขึ้นเรือเลยอีก 10 นาทีเรือออก เราใช้เวลาเดินทางบนเรือประมาณ 3 ชั่วโมงครับ เร็วสุดในบรรดาเรือใหญ่
ความแรงของคลื่น แล้วความสูงของคลื่นที่เรือต้องแล่นผ่าน น้ำทะเลกระเด็นมาโดนกระจกท้ายเรือเลย เรือโยกหนักมาก ฟ้าครึ้ม ความเร็วของเรือก็คงที่เพราะว่าต้องทำเวลา
พนักงานเริ่มเดินแจกถุงพลาสติก ฝรั่งในเรือเงียบมาก ซักพักเริ่มมีคนอาเจียน 1คน 2คน แล้วก็มีเรื่อยๆเกือบสิบคนได้ ผมเองเป็นคนไม่เคยเมาเรือ ยังรู้สึกทรมานเลยเลยครับ ขนมปังที่กินไปวิ่งขึ้นลงแถวๆคอนี่แหละ =='
แนะนำให้ทานยาแก้แพ้ดักไว้ก่อนเลย
ถึงแล้วครับเกาะเต่า...ทำเราแทบแย่
เดินออกมาจากท่าเรือจะเห็นประชาสัมพันธ์ สามารถสอบถามรายละเอียดบนเกาะได้ที่นี่เลย อันนี้เป็นตารางเรือทั้งหมดบนเกาะเต่าครับ ถึงเกาะแล้วแนะนำให้จองตั๋วเรือกลับไว้เลยจะได้วางแผนถูก
วันนี้เราพักกันที่ neptune hotel อยู่ใกล้ๆท่าเรือแม่หาด ห้องพักของเราเป็นห้องเดี่ยว จ่ายเพิ่มจากราคา hostel อีกนิดนึงแต่ได้ความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยสบายใจกว่าครับ บริเวณใกล้ที่พักจะมีร้านเช่ามอเตอร์ไซด์ เช่ามอเตอร์ไซค์ที่ร้านนี้ไม่มีมัดจำ แต่แนะนำให้เช็คสภาพรถให้เรียบร้อย เเละสามารถจองทัวร์ดำน้ำตื้นได้จากที่นี่เลย
ภาพบรรยากาศในช่วงยามราตรีของหาดทรายรี ผมแนะนำที่ Lotus bar ที่นี่มีการโชว์ควงไฟที่ขึ้นชื่อ มีที่นั่งริมหาดกับไฟสวยๆ เริ่มโชว์ตั้งแต่ 2 ทุ่ม พี่ๆที่นี่มีความสามารถโดดเด่นมาก ได้ออกรายการเลยแหละ
เช้าวันใหม่กับ หาด freedom beach เป็นหาดที่สงบมากและค่อนข้างส่วนตัว จากนั้นขี่รถไปต่อกันที่หาดทรายรี
มาถ่ายรูปกับต้นมะพร้าวเอียงๆนี่แหละครับ ซึ่งเป็นไฮไลต์ของเกาะเต่าเลยทีเดียว เจ้าต้นมะพร้าวนี้อยู่ตรง Lotus bar ที่เรามากันเมื่อคืน
จากนั้นขี่รถขึ้นเขาไปที่จุดชมวิว Coco bar เส้นทางขึ้นเขาอันตรายมาก ค่อยๆขี่รถอย่างระมัดระวังนะครับ เพราะถ้ารถล้มเป็นรอย ค่าปรับโหดครับ
เจอจุด Coco view point จากนั้น ขี่รถลงเนิน ไปที่อ่าวหินวง ทางค่อนข้างชันมาก แนะนำให้ดับเครื่องและกำเบรกมือลงไปนะครับ
ส่วนตัวผมชอบอ่าวนี้ที่สุด เพราะเราสามารถเดินลงไปดำน้ำดูประการังได้เลย ค่าเช่าหน้ากากดำน้ำ 50 บาทนะครับ แต่มีค่ามัดจำ1000บาท ไปชมโลกใต้น้ำของอ่าวนี้พร้อมกันครับ
ขี่รถกลับไปที่ร้าน Rambo เพื่อรอคนมารับไปขึ้นเรือ ดำน้ำตื้นตามโปรแกรมกัน โดยเราจะเดินไปที่ Koh tao diamond tour เราจะไปกันที่ จุดที่เราดำน้ำ เราจะดำน้ำกัน 3 จุด มีอ่าวลึก อ่าวม่วง อ่าวหินวง ตอนเที่ยงมีอาหารกลางวันแจกให้คนละกล่อง เปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบครับ
ในขณะที่ดำน้ำ ระมัดระวังด้วยนะครับ อย่าให้โดนประการัง เพราะจะทำให้ประการังเสียหายได้ ที่สำคัญจะเจ็บครับผมพลาดไปนิดนึง เป็นแผลเลือดไหลเลย (ในรูปไม่ได้สัมผัสประการังนะครับ มุมกล้อง)
เมื่อดำน้ำครบ 3 อ่าวแล้ว เรือจะพามาแวะที่เกาะนางยวน เรือให้เวลาเราเที่ยวได้เต็มที่ 2 ชั่วโมงครับ อาจดูเหมือนเยอะ แต่ความสวยงามบนเกาะทำให้รู้สึกอยากได้เวลาเพิ่มครับ5555
ไฮไลต์บนเกาะนางยวนคือจุดชมวิวที่มองเห็นหาดทรายขาวบนเกาะ แนวๆทะเลแหวกเลยครับ เส้นทางที่ขึ้นมาค่อนข้างชัน ฟิตร่างกายให้พร้อมครับ เเต่พอเห็นวิว คุ้มค่าเหนื่อยเเน่นอนครับ
ขึ้นฝั่งแล้ว นำรถไปคืนที่ร้านและขอที่ร้านอาบน้ำจืดได้ พี่เจ้าของร้านใจดีมากครับ เรามาทานอาหารเย็นกันต่อที่ร้าน Whitening อยู่ข้างๆร้าน Rambo เลยครับ อาหารอร่อย แต่ราคาสูงนิดนึง ถือว่าซื้อบรรยากาศครับ
นี่คือเรือนอนที่เราจะขึ้นกลับเข้าฝั่งครับ เรือออกเวลา 5 ทุ่ม หลังจากทานอาหารเสร็จเตรียมเสบียงให้พร้อมนะครับ เพราะใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง เราขึ้นเรือได้ตั้งแต่ 3 ทุ่ม
สาเหตุที่เรานั่งเรือนอนกลับฝั่งชุมพร ไม่ใช่ฝั่งที่สุราษฎร์ธานี เนื่องจากเรือที่จะเข้าฝั่งสุราษฯเป็นเรือลำเล็กประกอบช่วงนี้เป็นหน้าฝนมีคลื่นสูง เรือเล็กจะโคลงมาก ทำให้เมาเรือง่าย และอันตรายกว่า
ไปงานเทศกาล
