เทศกาลออกพรรษาของทุกปี จะมีประชาชนทั่วทุกภูมิภาคเดินทางมายังจังหวัดหนองคายเพื่อสัมผัสกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เรียกว่า “บั้งไฟพญานาค” อันเป็นความเชื่อและความศรัทธาอย่างยิ่งของชุมชนริมฝั่งโขงในเขตจังหวัดหนองคาย ตามพุทธประวัติที่กล่าวไว้ว่า ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันปวารณาออกพรรษา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จฯกลับจากการแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพระพุทธมารดา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นเวลาตลอดพรรษา (3 เดือน) เมื่อทั้งสามโลกทราบข่าวกำหนดการเสด็จฯกลับในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเทวดา มนุษย์ หรือแม้แต่พญานาคต่างก็มีความยินดีและเตรียมการต้อนรับตามศรัทธาของตน โดยเหล่าเทวดาได้เนรมิตบันไดทอง เงิน และแก้ว ทอดลงมาส่งเสด็จถึงพื้นโลก มวลมนุษย์ได้จัดถวายอาหารคาว หวาน และของแห้ง รวมทั้งดอกไม้ ธูป เทียน ในพิธีทำบุญตักบาตรที่เรียกว่า “ตักบาตรเทโวโรหนะ” ส่วนพญานาคที่จำพรรษาอยู่ในเมืองบาดาล ได้ร่วมกันพ่นลูกไฟถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งลูกไฟดังกล่าวจะมีลักษณะ ดวงกลมสีแดงอมชมพูพวยพุ่งขึ้นจากลำน้ำโขง ไม่มีเสียง ไม่มีควัน และไม่มีกลิ่น เหมือนดอกไม้ไฟหรือพลุ โดยทุกท่านสามารถสัมผัสปรากฏการณ์มหัศจรรย์ได้ด้วยตัวท่านเอง ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันพุธที่ 12 ตุลาคม 2554
ในวันดังกล่าวจะมีพิธีบวงสรวงพญานาคตามแบบโบราณที่สืบทอดกันมา ณ อำเภอโพนพิสัย ส่วนในเขตเทศบาลเมืองหนองคายได้จัดกิจกรรมต่างๆมากมาย อาทิเช่น การแสดงแสง- เสียงที่ยิ่งใหญ่ตระการตา พิธีบวงสรวงเจ้าแม่สองนาง การประกวดกระทงยักษ์ และกิจกรรมอีกมากมาย
นอกจากนี้ ผอ.ททท. อุดรธานี ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ยังรอการพิสูจน์จากนักท่องเที่ยว จึงอยากขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสปรากฏการณ์มหัศจรรย์แห่งลุ่มน้ำโขง “บั้งไฟพญานาค” ด้วยตัวท่านเอง
ข้อมูลและรูปภาพจาก tatnewsthai.org