ภูทอก ภูเขาหินทรายสีแดงสวยงามแห่งนี้ มีที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร มีการสร้างบันไดไม้วนรอบขึ้นสู่ยอดภูเขา แค่มองไปก็ไม่อยากจะคิดแล้วว่าการสร้างบันไดเหล่านี้ต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหน ห้วงเวลาการสร้างบันไดกินเวลาทั้งสิ้นถึง 5 ปี ทั้งหมด 7 ชั้น ซึ่งมีความลาดชันค่อยข้างสูงมาก
ชั้นที่ 1-2 บันไดสู่ ชั้นที่ 3 ซึ่งเริ่มเป็นสะพานเวียนรอบเขา สภาพเป็นป่ามืดครื้ม มีโขดลานหิน สุดทางชั้นที่ 3 มีทางแยก สองทางๆซ้ายมือ เป็นบันได้ลัดไปสู่ชั้นที่ 2 ได้เลย ซึ่งเป็นทางชันมาก ผ่านซอกหินที่มีอุโมงค์ ทางขวามือขึ้นสู่ชั้นที่ 4
ชั้นที่ 4 เป็นสะพานลอยไต่เวียนรอบเขา มองไปเบื้องล่างจะเห็นเนินเขาเตี้ยๆ สลับกัน เรียกว่า ดงชมพู ทิศตะวันออกจดกับภูลังกา เขตอำเภอเซกา ซึ่งเป็นสภาพป่าดิบ แม่น้ำลำธารหลายสายไหลผ่าน มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ เรียกกันว่า ภูรังกา
ชั้นที่ 5 หรือชั้นกลาง ถือว่าเป็นชั้นที่สำคัญที่สุด มีศาลาขนาดใหญ่ พระพุทธรูป กุฏิพระ และเป็นที่เก็บสังขารของพระอาจารย์ จวนด้วยพื้นที่สะอาดกว้าง ดูแล้วร่มเย็นมาก เหมาะสำหรับการนั่งสวดมนต์ปฎิบัติธรรมสำหรับนักแสวงบุญ หรือผู้ที่ใฝ่หา ความสงบ ตลอดตามช่องทางเดินจะมีถ้ำหลายจุด เช่น ถ้ำเหล็กไหล ถ้ำแก้ว ถ้ำฤาษี
ชั้น 6 จะเป็นสุดชมวิวที่สวยที่สุด ตลอดทางเดินทางจะเป็นหน้าผายื่นออกมาทำให้บางครั้งต้องเดินเบี่ยงตัวเองออกมาเล็กน้อย โดยแต่ละจุดก็จะมีชื่อของหน้าผาแตกต่างกัน เช่น ผาเทพนิมิตร ผาหัวช้าง ผาเทพสถิต เป็นต้น ในช่วงฤดูหนาวจะมีทะเลหมอก ลอยอยู่รอบๆยอกเขา ทำให้เหมือนอยู่บนสวรรค์ จากชั้นที่ 6 สู่ชั้นที่ 7 เป็นสะพานไม้เวียนรอบเขายาว 400 เมตร เกาะติดอยู่ริม หน้าผาสูงชันด ูน่าหวาดเสียวอันตราย มีความยาว 400 เมตร
ชั้นที่ 7 จะมีบันไดไม้พาดขึ้นมา เมื่อเดินขึ้นบันไดผ่านมาแล้วจะเจอทางแยก 2 ทางเพื่อขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้น 7 ทางแรกของทางชัน ต้องเกาะเกี่ยวกิ่งไม้และรากไม้เดินลำบาก ซึ่งมีทางอ้อมต้องเดินเวียนไปทางขวามือ แต่ก็จะมาบรรจบกันด้านบนชั้น 7 หรือดาดฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าไม่ทึบธรรมดา มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่