หังโจว Hangzhou เป็นเมืองเก่าแก่ 1 ใน 6 ของประเทศจีน อยู่ติดกับ มหานครเซี่ยงไฮ้ เจริญขึ้นมาพร้อมๆกัน หังโจวเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ทางการจีนให้คงอนุรักษณ์ไว้ บรรยากาศร่มรื่นมากๆ โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิ หังโจวมีประวัติยาวนาน ถึง 2100 ปี สมัยราชวงศ์สุย (ค.ศ. 581-618)
ขึ้นชื่อเรื่อง ชา ชาหังโจงถือว่าดีที่สุดในประเทศจีน ลองคิดดูคนจีนดื่มชากันทั่วประเทศ และชาจีนส่วนใหญ่ผลิดที่นี่ เล่ากันว่า เฉียนหลงฮ่องเต้ ราชวงศ์ชิง เคยปลอมตัวเป็นสามัญชน มาที่หังโจว เพื่อดูความเป็นอยู่ประชาชน แต่มาหลงใหลในรสชาติชา และเมืองอันร่มรื่นแห่งนี้
สถานที่ท่องเที่ยวหัวโจว มาแล้วต้องเที่ยว คือ ทะเสสาบซีหู (ผมไปมาแล้ว 2 ครั้ง ในปี 52 และ 53) ช่วงที่เที่ยวได้ดีที่สุด ประมาณ เม.ย. สงกรานต์บ้านเรา แต่อากาศที่นี่ ประมาณ 20 องศาต้นๆ เย็นสบาย เหมาะล่องทะเลสาปที่สุด
เจดีย์นางพญางูขาว อยู่ตรงข้ามทะเลสาปซีหู
ศาลเจ้างักฮุย อยู่ตรงข้ามทะเลสาปซีหู
ซินเทียนตี้ แหล่งชอบปิ้งและบาร์เบียร์ยามเย็น
ประวัติหังโจว ประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 2,100 ปี สมัยราชวงศ์สุย (ค.ศ. 581-618) จากคำสั่งขุดคลองต้ายุ่นเหอ (Grand Canal) ขององค์ฮ่องเต้สุยหยางตี้ รัชกาลที่ 2 ของราชวงศ์สุย เพื่อเชื่อมดินแดนทางเหนือกับทางใต้ จากปักกิ่งมายังหางโจว ได้ผลักดันให้เมืองหางโจวเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ในหน้าประวัติศาสตร์จีน หางโจว เจริญถึงขีดสุดเมื่อ ราชวงศ์ซ่งได้ตัดสินใจย้ายเมืองหลวงจากเมืองไคเฟิง ที่อยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเหลือง ลงมายัง หางโจว ที่อยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง เพื่อความปลอดภัยจากการกรุกรานของชนเผ่าจิน และได้ตั้งราชวงศ์ซ่งใต้ (ค.ศ. 1127-1279) ขึ้น การย้ายเมืองหลวงดังกล่าวได้ผลักดันให้ชื่อของ 'หางโจว' ติดอยู่ในทำเนียบ 1 ใน 7 เมืองหลวงเก่าของจีน ร่วมกับ อันหยาง, ซีอาน, ลั่วหยาง, ไคเฟิง, หนานจิง และ ปักกิ่ง
และยังถูกกล่าวไว้ใน บทกวีหลายบทที่แต่งขึ้น สมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) โดยได้รับแรงบัลดาลใจจากความงามอันหลากสีสันของเมืองหางโจว แต่จากเหตุการณ์ "กบฎไท่ผิง" (ช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19) ทำให้ เมืองที่สวยงามนี้ถูกทำลายแทบจะไม่เหลือร่องรอยของเมืองที่เคยมีนามก้องโลกให้หลงเหลืออยู่เลย
แม้ว่าในเวลาต่อมา ชนเผ่ามองโกลจะเข้ามาปกครองแผ่นดินจีนในนามของราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1206-1368) โดยยึดเอา ต้าตู (ปักกิ่ง) ที่อยู่ทางภาคเหนือเป็นเมืองหลวง เป็นศูนย์กลางทางการเมือง-การปกครอง แต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทางใต้ หางโจวก็ยังคงความเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจอยู่
ไม่น่าสงสัยเลยว่า Kinsai (เป็นชื่อที่ มาร์โค โปโล ใช้เรียกหางโจว) เป็นเมืองที่ยอดเยี่ยม และงดงามที่สุดในโลก เมือง (หางโจว) มีความเส้นรอบวงประมาณ 100 ไมล์ และเกือบทุกส่วนของเมืองสามารถไปถึงได้ด้วยทางบก หรือ คลอง" กล่าวกันว่า มีสะพานอยู่ 12,000 แห่ง โดยสะพานที่ทอดผ่านลำคลองสายสำคัญนั้นจะถูกสร้างไว้สูงตระหง่าน และออกแบบอย่างดีให้เรือลำใหญ่ที่ปลดเสาเรือลงแล้ว สามารถลอดผ่านได้ ขณะที่ด้านบนสะพานก็มีเกวียนและม้าสัญจรผ่านไปมา ...
เที่ยวได้ทั้งปี แต่ไม่ควรเที่ยวช่วงวันหยุดยาวของคนจีน (ต้องไปแย่งกับเค้า)
เที่ยวควรเว้น วันชาติจีน วันตรุษจีน วันแรงงาน
แสดงความเป็นเจ้าของบทความ
ครั้งแรกที่ผมมาถึง หังโจว ในเดือน เม.ย. 52
ชอบตรงบรรยากาศ เย็น สบาย ต้องสวมแจ็คเก็ทช่วย
เมืองเต็มไปด้วยต้นไม้ ทางการเมืองนี้ อนุรักษ์ไว้ดี ถึงขนาดมีถนนตัดเข้าไปในป่าต้นไม้ใหญ่ ถนนยังต้องอ้อมไป.... ยอมเดินทางอ้อม ดีกว่าตัดต้นไม้
มีภูมิอากาศที่ดี อากาศจะเย็นสบายและฝนตกบ่อย ช่วงอุณหภูมิที่ดีที่สุด คือ ราวเดือนเมษายนจนถึง เดือนพฤษภาคม เนื่องจากเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิในช่วงกันยายนถึงเดือนพฤษจิกายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง
ถนนหน้าทะเลสาปซีหู (เดี๋ยวผมพาไป)
ปี ค.ศ. 1230 มาร์โค โปโล ได้เดินทางมาถึงเมืองหางโจว และได้ขนานนามเมืองนี้ว่าเป็นเมืองที่งดงามที่สุดในโลก
สมัยราชวงศ์หมิงหางโจวยังคงเป็นศูนย์กลางการค้ามีการติดต่อกับต่างชาติ โดยมีผ้าไหมเป็นสินค้าหลัก จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์กบฎไท่ผิงในช่วง ค.ศ. 1860-1862 ทำให้ความสวยงามลดลงไป ปัจจุบันหางโจวเป็นเมืองอุตสาหกรรมสมัยใหม่ มีใบชาและผ้าไหมเป็นสินค้าส่งออกหลักที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
เห็นไหม... มาร์โค โปโล ยังเคยมาที่ หังโจว และบอกเองเลยว่า เป็นเมืองที่งดงามที่สุดในโลก
สนใจทัวร์เซี่ยงไฮ้ คลิก
http://abroad-tour.com/china/shanghai/package-tour/
คนที่นี่นอกจากรถยนต์แล้วก็จักรยานนี้ครับ แต่เดี๋ยวนี้เป็นระบบไฟฟ้ากันซะเยอะเลย
สวนชา ด้านหลังทะเลสาบซีหู
สุดยอดชา อยู่ทีใบอ่อนบนยอด
ทำไมที่นี่ถึงปลูกชาได้ดี และรสชาดเป็นที่นิยม ถึงขนาดเฉียนหลงฮ่องเต้ยังหลงใหล
ใกล้ๆ สวนชา จะมีร้านขายชา (เปรียบเหมือนร้านกาแฟ) คนจีนนิยมมาชิมชา เล่นไพ่ สนทนากันใน เครือญาติ เพื่อนสนิท แถวๆ นี้ครับ
หางโจวตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน บนที่ราบน้ำท่วมถึงริมฝั่งแม่น้ำแยงซี พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขา มีทะเลสาบซีหู เป็นสัญลักษณ์ของเมืองตั้งอยู่ใจกลางเมือง ในสมัยราชวงศ์ฉิน หางโจวถือเป็นศูนย์กลางการค้า มีการขุดคลองเชื่อมระหว่างปักกิ่งและหางโจวสำเร็จ ต่อมาได้เป็นเมืองหลวงในสมัยราชวงศ์ซ่ง
เอ...พูดถึงทะเลสาปซีหู อีกแล้ว ผมพาไปเลยดีกว่า
ภาพคือทางเดินไปท่าเรือ นั่งเรือ ชมทะเลสาปซีหู
เหมือนเดินเข้าป่าเลย
ป้ายบอกทาง จีน ปน อังกฤษ สรุป อ่านดูแล้วก็ไม่รู้ว่าไปทางไหน...(ไม่ต้องสนใจ)
ร้านค้า...
ลืมบอกไปห้องน้ำมีน้อย อาจไม่สะอาดเท่าไร...ควรเตรียมตัวตั้งแต่อยู่ในร้านอาหารหรือโรงแรมน่ะครับ
หลังร้านค้าแห่งนี้มีห้องน้ำอยู่
นกยูง ระว่างที่ผมยืนรอ คนเข้าห้องน้ำ
ฝนตกปลอยๆ ในสวนจีน
ลูกทัวร์...รวมพลก่อนไปที่ท่าเรือ ล่องทะเลสาบ
สนับสนุนโดย http://www.abroad-tour.com/china
หัวหน้าทัวร์ไทย คุณเล็ก กับภาระกิจพาลูกทัวร์ชมทะเลสาปซีหูในวันหยุด(คนจีน)
ค่อนข้างวุ่นนิดๆ
รอซื้อตั๋วเรือ
ถ่ายร้านค้านี้ซะหน่อย
ลองท้องซะหน่อย ไหม
เรือที่ใช้ล่องทะเลสาปซีหู
เรือชาวบ้าน ในทะเลสาปซีหู
เรือที่ใช้ล่องอีกแบบ สำหรับคนไม่เยอะ
ล่องทะเลสาบ แลเห็นเจดีย์นางพญางูขาว หรือเจดีย์ เหลยเฟิง ในบรรยากาศหลังฝนตก
http://abroad-tour.com/china/hangzhou/leifeng.html
ทะเลสาบซีหู (West Lake) ดังบทกวีอันมีชื่อเสียงของจีนที่ว่า "หากฟากฟ้ามีสรวงสวรรค์ บนผืนปฐพีก็มี ซู หัง (ซู คือ ซูโจว หัง คือ หางโจว) ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนหางโจวในแต่ละปี มักไม่พลาดที่จะไปเยือนทะเสาบแห่งนี้ ตั้งอยู่ห่างจากนครเซี่ยงไฮ้ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 180 กิโลเมตร เมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2546 จำนวนประชากรที่บันทึกได้อยู่ 6.4 ล้านคน โดยที่ในเขตเมืองมีผู้อยู่อาศัยประมาณ 3.9 ล้านคน เมืองหางโจวเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีธรรมชาติงดงามราวกับจิตรกรฝีมือดีบรรจงวิจิตรขึ้น ตัวอาคารบ้านเรือน ไม่สูงมากนัก ตึกใหญ่จะสูงแค่ 7-8 ชั้น เนื่องจากเกรงว่าจะไปบดบังทิวทัศน์ที่สวยงามโดยรอบ
หางโจวเป็นเมืองเก่าแก่โบราณติด 1 ใน 7 ของจีน ที่ประกอบไปด้วย ซีอาน โล่วหยาง เจ้อโจว ปักกิ่ง นานกิง หางโจว เสฉวน
มุม 180 องศา
ภาพนี้ อยากเน้น สีน้ำทะเลสาป
เสาหินกลางทะเลสาป มีเรื่องเล่า...เกี่ยวกับเทพธิดา ฉางเอ๋อ ในคืนที่พระจันทน์เต็มดวง วันไหว้พระจันทร์
“ฉางเอ๋อ” เป็นเทพธิดาพระจันทร์ มี “โฮ่วอี้” เทพเจ้าแห่งการต่อสู้เป็นสามี ที่องอาจห้าวหาญ เขายิงธนูได้อย่างแม่นยำ ในสมัยนั้น จักรพรรดิสวรรค์ได้ให้ “โฮ่วอี้” จุติลงมาในโลกมนุษย์เพื่อปราบปรามสัตว์ที่ทำร้ายมนุษย์ เขาจึงจุติลงมาสู่โลกมนุษย์พร้อมด้วย “ฉางเอ๋อ” ภรรยาผู้งดงาม “โฮ่วอี้”
ใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถปราบปรามสัตว์ป่าที่ดุร้ายได้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจ กลับเกิดสภาพที่ไม่คาดคิด ในท้องฟ้ามีพระอาทิตย์สิบดวงอยู่พร้อมกัน ด้วยตั้งใจแกล้งให้อุณหภูมิในโลกเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ป่าไม้ ธัญญพืชเกิดไฟไหม้ แม่น้ำลำคลองแห้งแล้ง มนุษย์จำนวนมากเสียชีวิต ซึ่งดวงอาทิตย์ทั้งสิบดวงล้วนแต่เป็นโอรสของจักรพรรดิสวรรค์ทั้งสิ้น “โฮ่วอี้” ทนดูไม่ได้ จึงขอร้องพระอาทิตย์ให้ผลัดกันออกมาวันละดวง แต่พระอาทิตย์ไม่สนใจ “โฮ่วอี้” อดทนต่อไปไม่ไหว ใช้ธนูยิงพระอาทิตย์ตกต่อเนื่องกัน 9 ดวง พระอาทิตย์ดวงสุดท้ายได้ขอโทษต่อ “โฮ่วอี้” และขอให้ไว้ชีวิต แม้ว่า “โฮ่วอี้” ได้กำจัดภัยให้แก่โลกมนุษย์ก็ตาม แต่ก็ต้องผิดใจกับจักรพรรดิสวรรค์ที่ได้ยิงโอรสของพระองค์ตายถึง 9 องค์ พระองค์จึงไม่อนุญาตให้ “โฮ่วอี้” กับภรรยา“ฉางเอ๋อ” กลับวังสวรรค์อีก “โฮ่วอี้” ตัดสินใจใช้ชีวิต และทำสิ่งดีๆให้แก่โลกมนุษย์มากยิ่งขึ้นต่อไป
แต่ “ฉางเอ๋อ” ภรรยาของเขาไม่พอใจชีวิตที่ยากลำบากเช่นนี้เลย “โฮ่วอี้” จึงได้เดินทางไปภูเขาคุนหลุนด้วยความยากลำบากแสนสาหัส เพื่อขอยาวิเศษเมื่อกินแล้วจะลอยขึ้นสู่สวรรค์ได้จากพระแม่เจ้าตะวันตก “ซีหวางหมู่” แต่ที่น่าเสียดายที่พระแม่เจ้ามี่ยาวิเศษพอสำหรับกินคนเดียวเท่านั้น แต่แล้ว “โฮ่วอี้” กลับไม่ต้องการแยกจากภรรยาที่รักมาก เขาจึงเก็บซ่อนยาวิเศษไว้ แต่ไม่นาน “ฉางเอ๋อ” ได้ล่วงรู้ความลับ แม้ว่าเธอจะรักสามีมาก แต่ก็อดทนต่อความเย้ายวนของชีวิตในสวรรค์ไม่ได้ ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ซึ่งเป็นวันที่พระจันทร์สว่างที่สุด “ฉางเอ๋อ” จึงแอบกินยาวิเศษ พอ “โฮ่วอี้” กลับมาและรู้ว่าภรรยาของเขาแอบกินยาวิเศษแล้วลอยขึ้นสู่สวรรค์แล้วก็รู้สึกเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่เขาก็ยังคงทำความดีให้แก่โลกมนุษย์ต่อไป และสอนลูกศิษย์ยิงธนู ในบรรดาลูกศิษย์ของเขามีคนหนึ่งชื่อ “เผิงหมง” มีฝีมือก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่นานฝีมือยิงธนูของเขาก็ค่อนข้างดีเยี่ยม แต่เขาเกิดรู้สึกว่าถ้า “โฮ่วอี้” ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปเขาก็ไม่อาจจะเป็นคนเก่งที่หนึ่งของโลก ดังนั้นเขาจึงได้ยิง “โฮ่วอี้” ข้างหลังจนตาย ขณะ “โฮ่วอี้” กำลังเมาเหล้า แม้ว่า “ฉางเอ๋อ” ได้ลอยขึ้นกลับสู่ดวงจันทร์แล้วก็ตาม แต่ที่นั่นมีแต่กระต่ายน้อยที่คอยตำยาตัวหนึ่งและผู้เฒ่าที่ตัดฟืนคนหนึ่งเท่านั้น เธอจึงรู้สึกโดดเดี่ยวและเศร้าวังเวงเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ ในช่วงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ซึ่งเป็นช่วงที่แสงจันทร์สว่างไสวที่สุด “ฉางเอ๋อ” ก็ยิ่งคิดถึงเวลาที่ดีและความรู้สึกอันอบอุ่นในอดีตเมื่ออยู่ร่วมกับสามี ปัจจุบันได้มีการตั้งชื่อปล่องภูเขาไฟบนดวงจันทร์ปล่องหนึ่งว่า "Chang-Ngo" ตามชื่อของเทพธิดา “ฉางเอ๋อ”
ต้นหลิว ริมทะเลสาป
ซุ้มสะพาน เมื่อเรือลดใต้สะพาน ควรระวังศรีษะน่ะครับ ไม่ใช่ว่าจะไปชนสะพานหรอก
แต่คนจีนที่เดินไปมาชอบโยนสิ่งของ เช่น ขวดน้ำ กระป๋อง ลงจากสะพาน หากเรานั่งท้ายเรือ (ไม่มีหลังคา) มีโอกาสโดนหัวสูง
ทิวทัศน์รอบๆ
มีหลายสะพานด้วยกัน
ศาลาริมน้ำ
สุดทางแล้ว....
เสียดายฝนตกมาซะก่อน ฟ้าเลยไม่เปิด แต่ก็ได้บรรยากาศในรูป ออกหมอกจางไปอีกแบบ
ทะเลสาบซีหู เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ของชาวเมืองทั่วไปรวมไปถึง นักท่องเที่ยวที่มักจะไม่พลาดโปรกแกรมล่องเรือชมทะเลสาบ โดยเรือที่พานักท่องเที่ยว ล่องทะเลสาบนั้นถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ราวกับย้อนอดีตไปสมัยที่ยังใช้กำลังภายในกันอยู่ เข้ากับบรรยากาศโดยรอบ แตกต่างกับภายในตัวเมืองหางโจว ซึ่งมีความทันสมัยไม่น้อย เพราะมีทั้งสนามบินนานาชาติ ทางด่วน ห้างสรรพสินค้า แหล่งชอปปิ้ง อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงที่โด่งดังของประเทศจีน อีกด้วย
วางที่นี่