เวียดนาม (Vietnam) ในชื่อทางการจะเรียกว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Socialist Republic of Vietnam)

 ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวียดนามเป็นประเทศหนึ่งที่เป็นสมาชิกในอาเซียน คำว่า เวียดนาม มีความหมายว่า ดินแดนทางตอนใต้ของชาวเวียด ซึ่งห่างจากแผ่นดินใหญ่ของจีน และอาณาจักรแรกของชาวเวียดนาม คือ อาณาจักรนามเวียด (อาณาจักรทางตอนเหนือ) ส่วนทางตอนกลาง และตอนใต้ ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรจามปา

ข้อมูลทั่วไป :

การปกครอง

การเมืองการปแครองของเวียดนาม นับว่ามีเสถียรภาพและเอกภาพสูง มีการปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ตั้งแต่ปี 1975 เป็นการปกครองแบบสังคมนิยม มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ และรัฐบาลได้มีการกระจายอำนาจการบริหารในทางเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัด เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ

ประชากร

เวียดนามมีประชากร มากกว่า 89 ล้านคน ในปี 2013 ถือเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 13 ของโลก

สกุลเงิน

ที่เวียดนามใช้เงินหน่วยเป็น ด่อง (อังกฤษ :Dong, ตัวย่อ :VND) อัตราการแลกเปลี่ยน 1,000 ด่อง จะเท่ากับ 1.5 บาท

ภาษา

ภาษาทางการคือ ภาษาเวียดนาม รองลงมาคือ ภาษาเขมร และที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ คือ ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และ จีน

ศาสนา

ชาวเวียดนามส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธมาแต่ดั้งเดิม ประเทศเวียดนามไม่มีศาสนาประจำชาติ รัฐธรรมนูญเวียดนามบัญญัติให้ประชาชนมีเสรีในการเลือกนับถือศาสนา

ลักษณะภูมิอากาศของประเทศ

ฤดูหนาว (เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) มีอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 7 - 20 องศาเซลเซียส และจะหนาวที่สุดในเดือนมกราคม

ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม-เมษายน) จะมีฝนตกเล็กน้อยและชุ่มชื้น อุณหภูมิประมาณ 17 - 23องศาเซลเซียส

ฤดูร้อน (เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม) สภาพอากาศร้อนและมีฝน อุณหภูมิ 30 - 39 องศาเซลเซียส

ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน-พฤศจิกายน) อุณหภูมิประมาณ 23 - 28 องศาเซลเซียส

ชุดประจำชาติ

ชุดประจำชาติชาวเวียดนาม เรียกว่า ชุดอ๋าวหญ่าย ซึ่งแปลว่า ชุดยาว ส่วนมากจะนิยมใส่กันในเมืองใหญ่ๆ หรือเจ้าหน้าที่ต้อนรับชาวต่างชาติ เช่น ในสนามบิน และนักศึกษาที่กำลังจะรับปริญญาจะใส่ชุดยาวถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก

สถานที่ท่องเที่ยวที่เราขอแนะนำ คือ :

1. เมืองเก่าฮอยอัน เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และได้ชื่อว่าเป็นเมืองมรดกโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ และในอดีตเป็นเมืองท่าสำคัญของเอชียใต้ นักเดินเรือจากประเทศต่างๆ เข้ามาค้าขายเป็นจำนวนมาก ในปัจจุบันยังคงเห็นตึกอาคารรูปทรงของชาติต่างๆ

2. เมืองดาลัด เป็นเมืองตากอากาศ ที่มีอากาศดีตลอดทั้งปี เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศเวียดนาม ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นจำนวนมาก อากาศของที่นี่ร้อนสุดไม่เกิน 20 องศา และอยู่สูงจากน้ำทะเล 1,500 เมตร

3. เมืองโฮจิมินห์ เป็นเมืองท่าริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีพื้นที่กว่า 2,000 ตารางกิโลมตร เปรียบเสมือนเป็นเมืองหลวงทางใต้ของเวียดนาม และมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี

4. เมืองซาปา ในอดีตเคยถูกสร้างให้เป็นเมืองตากอากาศของชาวฝรั่งเศส ที่เข้ามาปกครองในสมัยยุคอาณานิคม ในปี พ.ศ.2465 เพราะมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ในปัจจุบันเมืองตากอากาศแห่งนี้ มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก

5. อ่าวฮาลอง เป็นสถานที่ที่ไม่ควรจะพลาดเมื่อคุณมีโอกาสได้ไปประเทศเวียดนาม เพราะนอกจากจะได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางะรรมชาติ จากองค์กรยูเนสโกแล้ว ที่นี่ยังมีความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอยู่อีกมากมายที่รอให้คุณได้ไปสัมผัส

สิ่งที่ควรรู้ก่อนเดินทางไปประเทศเวียดนาม :

1. สามารถนำเงินตราต่างประเทศเข้าเวียดนามได้ไม่เกิน 7,000 ดอลล่าร์สหรัฐ

2. ยาประจำตัว หากท่านมีโรคประจำตัว ควรจะเตรียมยาไปให้พร้อม

3. เวียดนาม มีกฎหมายห้ามนำเข้าหนังสือที่มีข้อความต่อต้านรัฐบาล สื่อลามาอนาจาร อาวุธปืน และห้ามนำออกวัตถุโบราณจากเวียดนาม ไม้ท่อน ไม้ซุง ไม้สัก รวมถึงไม้แปรรูปและหวาย สัตว์ป่า สัตว์ และพันธุ์ไม้ที่มีค่าและหายาก

4. นำเข้าบุหรี่ได้ไม่เกิน 200 มวน และแอลกอฮอล์ ไม่เกิน 2 ลิตร

5. ห้ามนำเข้า อาวุธ วัตถุระเบิด อุปกรณ์ทางการทหาร ยาเสพติด สารเคมี ประทัด ดอกไม้ไฟ วีดีโอเทป สิ่งที่ทำให้เสื่อมเสียศีลธรรมและเป็นภัยต่อการเมืองและความมั่นคง สื่อลามกอนาจาร

6. ควรใช้ความระมัดระวังในการข้ามถนนอย่างมาก เพราะว่าเวียดนามมีรถมอเตอร์ไซด์เป็นจำนวนมาก

7. เวียดนามไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพอาคารที่ทำการต่างๆ ของรัฐ

8. นำเครื่องคิดเลขติดตัวไปด้วยทุกครั้ง เวลาเราจะซื้อของ จะได้กดให้แม่ค้าดู เพราะแม่ค้าส่วนใหญ่จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้

9. ซื้อของ จะต้องต่อลงมา 50% ทุกครั้ง มีหลายเจ้าให้เลือกไม่ต้องง้อ แต่ส่วนมากแม่ค้าจะเรียกกลับให้มาซื้อ

10. บริการ ซื้อของ หรืออาหาร ควรจะตกลงราคากันให้แน่ชัดก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนโก่งราคา

11. เมื่อต้องการเช่ารถ ควรถ่ายรูปรถก่อนเอาออกไป และต้องให้เจ้าของร้านดูรูปด้วย เพื่อป้องกันการโดนใส่ร้ายว่าเราทำเสีย เพราะฉะนั้นจึงควรถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง

12. ถ่ายรูปคนในเวียดนาม ให้ระวังไว้ 2 อย่าง คือ โดนด่า กับ โดนเก็บเงิน

13. บทลงโทษในประเทศเวียดนาม ค่อนข้างจะหนัก โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด และการฉ้อโกง กฏหมายของเวียดนามมีบทลงโทษถึงประหารชีวิต

ข้อควรระมัดระวัง เมื่อไปเที่ยวประเทศเวียดนาม :

1. รถแท๊กซี่ของเวียดนาม ขนาดคนท้องถิ่นที่ใช้บริการยังบ่นถึงความเจ้าเล่ห์แสนกลของคนขับแท๊กซี่ แต่เนื่องจากยังมีหลายบริษัทให้บริการ ทำให้ยังพอมีดีๆเหลืออยู่บ้าง ซึ่งพอประมวลผลได้ดังนี้

     1.1 เมื่อถึงที่หมายจ่ายเงิน ควรจะต้องรับเงินทอนให้ครบก่อนลงจากตัวรถ อย่าหวังว่าจะได้รับเงินทอนหากลงจากตัวรถก่อน           และวิธีนี้ จะทำให้แท๊กซี่ยอมทอนเงินให้ครบ(ในกรณีที่ไม่อยากให้ทิป)

     1.2 รถแท๊กซี่ของบริษัท MaiLinh (ออกเสียงว่า ม่ายหลิง) ตัวรถสีขาว สัญลักษณ์สีเขียว (หาดูภาพได้ที่ google พิมพ์             คำว่า MaiLinh Taxi) ซึ่งรถของบริษัทนี้ค่อนข้างได้มาตรฐานที่สุด

     1.3 หากมีแผนที่ไปด้วยระหว่างที่นั่งแท๊กซี่ ให้ทำเหมือนว่าคุณกำลังจดบันทึกเส้นทางอยู่ จะทำให้รถแท๊กซี่ไม่กล้าพาอ้อม

     1.4 แท๊กซี่คันใหญ่จะราคาแพงกว่าคันเล็ก นั่งใกล้ๆ จะไม่รู้สึก แต่ถ้านั่งไกลๆ ต้องจ่ายเยอะแน่

2. ซื้อของที่เวียดนาม ซื้อชิ้นเดียวกัน ประเภทเดียวกัน รับรองราคาที่ได้ไม่เหมือนกันแน่ๆ อย่าว่าแต่คนต่างชาติที่โดนเลย ขนาดคนท้องถิ่นยังโดนโกงราคาเลย ดังนั้นควรพยายามเลือกซื้อของที่ติดราคาไว้อย่างชัดเจน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้และเห็นว่าเป็นเพียงเงินเล็กน้อยก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าหากดูแล้วราคาต่างกันสูงมาก ก็ควรจะต่อราคาจนกว่าเราจะพอใจ

3. แลกเงินกับร้านขายเพชรทอง ที่เวียดนาม ให้ราคาดีกว่าที่เวียดนาม แต่ว่าผิดกฏหมาย หากมาเที่ยวไม่กี่วัน ก็ควรจะแลกกับธานคารจะดีกว่า ราคาไม่ต่างกันมาก (ยกเว้นค่าธรรมเนียม) แต่ถ้าแลกเยอะๆ ส่วนต่างก็เห็นพอสมควรเหมือนกัน

4. รับประทานอาหารที่เวียดนาม ไม่มีน้ำฟรีให้บริการ ต่างจากบ้านเรา เพราะบ้านเราส่วนใหญ่จะบริการน้ำดื่มฟรีให้กับลูกค้า แต่ที่เวียดนามไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าไม่สั่งน้ำ เขาก็จะไม่เสิร์ฟให้ เพราะคนที่นี่ส่วนใหญ่จะดื่มน้ำชากันมากกว่า หากสั่งน้ำเปล่า ทางร้านค้าจะเอาน้ำเปล่าขายเป็นขวดมาให้

5. ระวังเงินในกระเป๋าท่านไว้ให้ดี ทุกที่ย่อมมีโจรล้วงกระเป๋า เวียดนามก็มีเช่นกัน ที่มีโจรล้วงกระเป๋าพลุกพล่าน โดยเฉพาะในย่านชุ่มชน ยิ่งเป็นจุดลงมือของมิจฉาชีพได้โดยสะดวก สิ่งที่ควรระวังไว้ก็คือ พยายามเก็บของมีค่าไว้ที่ตู้เซฟของโรงแรม หรือถ้าจำเป็นต้องนำติดตัวออกมาด้วย ก็ควรเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าอยากมิดชิด แล้วคอยเช็คตลอดว่ากระเป๋ายังอยู่ไหม

6. ระวัง มอเตอร์ไซด์ ที่เมืองหลวงฮานอย จะมีมอเตอร์ไซด์อยู่เป็นจำนวนมาก เยอะกว่ารถยนต์ซะอีก เราจะได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์ทั้งวัน ได้ยินเสียงกดแตรลั่นสนั่นกันทุกๆ สี่แยก เวลาข้ามถนน ควรจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ทุกเส้นทางในฮานอย หรือที่เมืองอื่นๆ มีไว้ให้คนหลบรถ ไม่ใช่รถหลบคนอย่างแน่นอน