เรื่องย่อ
อรทัย และ นิพนธ์ อยู่กินกันมาจะครบ 10 ปีแล้ว ทั้งคู่มีพยานรักด้วยกันหนึ่งคนคือ เด็กชายวัย 6 ขวบชื่อ เบิ้ล อรทัยคิดว่าครอบครัวของเธอนั้นอบอุ่นเพียบพร้อม จนกระทั่งเธอได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาล ให้ไปรับ ประสงค์ พ่อเลี้ยงของเธอซึ่งป่วยด้วยโรคความจำเสื่อมผู้ซึ่งอรทัยไม่ได้พบหน้ามาหลายสิบปี
ชายชราไม่ได้มีโรคที่รักษาไม่หายติดตัวมาเพียงอย่างเดียว แต่เขาได้พา “อดีตอันขมขื่น” บางประการกลับมาสู่อรทัยด้วย
ด้านนิพนธ์เองก็ได้เก็บความลับบางอย่างไม่ให้ภรรยาของตนเองรู้ หลายเดือนก่อนเขาบังเอิญไปพบกับ นวล อดีตคนรักเก่าที่เขาได้แยกทางกับเธอเมื่อนานมาแล้ว การเจอหน้ากันของคนสองคนที่ไม่ได้พบปะหรือติดต่อกันเลย ดูเหมือนจะไม่สำคัญอะไรในทีแรก แต่นิพนธ์รู้ดีว่า ลึกๆ แล้ว จิตใจของเขาและเธอกำลังหวั่นไหวอยู่ภายใน
นวลแต่งงานแล้วกับ ชาติ ช่างภาพฝีมือดี และมีลูกสาววัย 10 ขวบหน้าตาน่ารักชื่อ ยูกิ ตลอดหลายปีมานี้ นวลแทบจะแบกภาระดูแลบ้านและลูกเพียงลำพัง เนื่องจากสามีต้องออกไปทำงานในสถานที่ไกลๆ อยู่เสมอ ยิ่งไปกว่านั้น ยูกิ เป็นเด็กพิการทางการได้ยิน การดูแลเอาใจใส่จึงต้องทุ่มเทลงไปมากกว่าเด็กปกติถึงสองเท่า
ราวกับว่าโชคชะตาจะยังเล่นตลกกับนวลไม่เพียงพอ อยู่มาวันหนึ่ง ชาติ ต้องสูญเสียการมองเห็นไปเพราะโรคเรื้อรังทางสายตา นวลจำเป็นต้องรับภาระทุกอย่างโดยสมบูรณ์ ชีวิตคู่ที่กระย่องกระแย่งอยู่พอตัวอยู่แล้ว ก็ค่อยๆ ล้มครืน เธอมีปัญหากับชาติ จนฝ่ายชายตัดสินใจเลือกทางเดินใหม่ ด้วยการหนีหายตัวไปอย่างลึกลับ
โตมร เป็นอาจารย์หนุ่มประจำมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เขารู้จักกับชาติเพราะเคยติดต่อขอภาพถ่ายของฝ่ายหลังไปจัดนิทรรศการที่คณะ ชีวิตของโตมร ราบเรียบเหมือนชีวิตข้าราชการหนุ่มโสด จนจู่ๆ เขาได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวเกี่ยวกับชายชราที่ชื่อ ประสงค์ อดีตที่เต็มไปด้วยความหวานและขมก็ย้อนกลับเข้ามาหา
สมัยเรียนมัธยมปลาย โตมรเคยตกหลุมรักเพื่อนร่วมชั้นชื่อ หนอยแน่ ความรักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนหนอยแน่ตั้งท้องอย่างไม่คาดคิด ในวัยแค่ 17 โตมรและหนอยแน่กลายเป็นพ่อคนแม่คน ทั้งๆ ที่ความพร้อมแทบจะเป็นศูนย์ เมื่อต้องทนมากๆ เข้าจนหมดความอดทน เด็กหนุ่มและเด็กสาวตัดสินใจแยกทางกัน โดยไม่หวนกลับมาติดต่อกันอีก และทิ้งอดีตไว้ให้เลือนหายด้วยตัวของมันเอง
โตมร ทราบดีว่า อดีตไม่มีวันหายไปไหน ถ้ามันเป็นเรื่องเจ็บปวด มันก็จะยังคงเจ็บปวดอยู่อย่างนั้น เขาอาจต้องหาโอกาสสะสางมันในวันหนึ่ง
นวลเองก็เช่นกัน อดีตของเธออาจเป็นสิ่งงดงามเดียวในชีวิต ณ เวลานี้ ถึงแม้มันอาจจะดูเป็นเรื่องผิดศีลธรรมที่เธอจะเกิดความหวั่นไหวกับนิพนธ์อีกครั้ง แต่ในเมื่อชาติยังวิ่งหนีปัญหา เหตุใดเธอถึงจะทำบ้างไม่ได้
อรทัย คิดว่าวิธีเดียวที่จะเยียวยาความปวดร้าวที่เกิดขึ้นในหนหลัง คือการกำจัดความปวดร้าวนั้นด้วยมือของเธอเอง พ่อเลี้ยงของเธอเคยหักหาญน้ำใจเธอเมื่อนานมาแล้ว และคงถึงเวลาของเธอบ้าง…อรทัยคิด…ที่จะคืนความเจ็บปวดแบบเดียวกันนั้นให้แก่เขา
ในวันที่เมฆครึ้มแผ่ปกคลุมท้องฟ้าเหนือความวุ่นวายในเมืองใหญ่ และ “ความรัก” แอบซ่อนตัวอยู่เงียบๆ กลางม่านฝน หลายชีวิตในเมืองใหญ่อาจจะต้องเลือก ระหว่างละทิ้งความรัก เก็บซ่อนความรัก หรือตามหาความรักที่หายไปแสนนาน ให้กลับมาหล่อเลี้ยงหัวใจที่เหี่ยวเฉาของพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง