จุดท่องเที่ยวภายในสถานีฯ
ปัจจุบันสถานีทดลองเกษตรที่สูงภูเรือ มีพื้นที่ที่เปิดดำเนินการ ทั้งสิ้น 1,500 ไร่ นักท่องเที่ยวสามารถเลือก
เดินชม ศึกษาแปลงทดลองการเกษตรภายในสถานีฯ ได้ โดยบางจุดสามารถที่จะเดินเท้าได้ แต่บางจุดก็ควรใช้พาหนะ ซึ่งใช้ได้ทั้งรถเก๋ง รถขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือจักรยาน โดยมีจุดที่น่าสนใจได้แก่
แปลงไม้ดอกเมืองหนาว (หมายเลข 1)
ถือเป็นจุดเด่นของสถานีทดลองเกษตรที่สูงภูเรือทีเดียว เนื่องจากจุดที่ตั้งของสถานีฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอภูเรือ
จังหวัดเลยนั้น เป็นจุดที่ปลูกต้นไม้ดอกไม้ ประดับเมืองหนาว ได้มากมายหลายชนิด เทียบเท่ากับพื้นที่ทางเหนือของประเทศ อย่างเชียงใหม่ หรือเชียงราย แต่ที่นี่จะพิเศษกว่าตรงที่หนาวก่อน และหนาวยาวนานกว่าในภาคเหนือ ดังนั้นนักท่องเที่ยว จึงสามารถจะมาเที่ยวชมความงาม ของดอกไม้ประดับเมืองหนาวที่นี่ได้ก่อนใคร และระยะเวลาในการบานอวดสีสันของบรรดาไม้ดอกเหล่านี้ก็จะอยู่คงทนต่อไป จนถึงราวเดือน มีนาคม เลยทีเดียว แปลงไม้ดอกไม้
ประดับที่มีเนื้อที่ถึง 3 ไร่ เริ่มต้นจากแปลงกุหลาบพันธุ์ก้านแข็ง ดอกใหญ่หลากหลายสีสัน ถือเป็นราชินีของไม้ดอก
ทั้งมวล แปลงเพาะพันธุ์กุหลาบจะตั้งอยู่บนเนินเขา ลดหลั่นกันลงไปเป็นชั้นๆ เห็นทิวเขาที่โอบล้อมอยู่โดยรอบ มีทางเดินที่นักท่องเที่ยว สามารถเดินลัดเลาะเที่ยวชมได้ตลอด ส่วนไม้ดอกเมืองหนาวอื่นๆ ได้แก่ แพนซี่ คาร์เนชั่น ฟอร์เก็ตมีนอท ลิ้นมังกร หน้าแมว พิทูเนีย รวมถึงคะน้าใบหยัก ที่เมื่ออุณหภูมิต่ำถึงระดับความเย็นจัด จะเปลี่ยนเป็น สีขาวทั้งต้น ตัดกับกุหลาบแฟนซีที่เป็นสีม่วงทั้งต้น สวยงามน่าชมมาก
ทุ่งซัลเวียและแปลงรวบรวมไม้ผลเมืองหนาว (หมายเลข 2)
ซัลเวีย เป็นไม้ดอกเมืองหนาวมีดอกสีแดงเข้ม ตัดกับใบสีเขียวของมัน มีถิ่นกำเนิดจากประเทศบราซิล
ชอบอากาศเย็น ซัลเวียเมื่ออยู่ลำพังเพียงต้นเดียวก็ดูไม่โดดเด่นอะไรนัก แต่ถ้าอยู่รวมกันเป็นทุ่งแล้ว สีแดงเข้ม ที่
ดารดาษเต็มทุ่งของมัน จะแต่งแต้มให้พื้นที่ตรงนั้นสว่างไสว ขึ้นมาทันที ทุ่งซัลเวียที่สถานีทดลองเกษตรที่สูงภูเรือ
แห่งนี้ปลูกอยู่บนเนินเขา แทรกแซมอยู่ระหว่างแปลงไม้ผลเมืองหนาวหลากหลายชนิด ทั้งแอปเปิ้ล ท้อ สาลี่ และพลัม ซึ่งเป็นพันธุ์ทดลองปลูกในพื้นที่สูงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หากนักท่องเที่ยว มาตรงช่วงเวลาที่ไม่ผลเหล่านี้ออกผล ซึ่งตรงกับช่วงราวเดือนมีนาคม - กรกฎาคม ก็สามารถเด็ดชิมได้จากต้นเลยทีเดียว หรือ หากเดินทางมาในช่วงหนาว ก็จะได้ชมไม้ผลเหล่านี้ทิ้งใบผลิดอกเต็มต้น การได้เดินชมดอกท้อ แอปเปิ้ล สาลี่ บานเต็มต้น ตัดกับสีสันอันสดใสของทุ่งซัลเวีย แดง ม่วง ชมพู จึงเป็นบรรยากาศชวนให้เพลิดเพลินใจเป็นอย่างยิ่ง
แปลงไม้กฤษณา (หมายเลข 3)
"กฤษณา" อาจเป็นไม้ที่เราอาจได้ยินชื่อมานานในฐานะยาสมุนไพร ที่มีกลิ่นหอม แต่น้อยคนนักที่จะเคยได้
เห็นต้นจริงของพืชชนิดนี้ ส่วนของไม้กฤษณาที่มีกลิ่นหอมและนำมาใช้ทำยาคือส่วนที่เป็นเนื้อไม้ หรือแก่นไม้นั่นเอง ความจริงแล้วเนื้อไม้ของกฤษณาที่แท้จะเป็นสีขาวนวลไม่มีกลิ่น แต่กลิ่นหอมของมันมาจากการที่เชื้อราเข้าไปเจริญในเนื้อไม้ทำให้ไม่เป็นรากลายเป็นสีเข้มและส่งกลิ่นหอมระเหยออกมา ไม้กฤษณาจะเริ่มมีเชื้อราเมื่ออายุต้นมากกว่า 20 ปี และจะหอมสมบูรณ์ทั้งต้นเมื่อมีอายุราว 50 ปี
ไม้กฤษณานั้นชาวฮินดูนิยมนำมาจุดไฟ เพื่อให้มีกลิ่นหอมในโบสถ์ผงไม้หอมใช้โรยบนเสื้อฆ่าหมัดและเหา
ในแหลมมาลายู ใช้ไม้หอมเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางค์ และใช้บำบัดโรคผิวหนังหลายชนิด ในเมืองไทยใช้สกัดเป็นน้ำหอมใช้ทำสบู่ และเครื่องสำอาง ถือเป็นไม้มีราคาแพง การทำให้ไม้กฤษณาเกิดเป็นเชื้อราขึ้นนั้น ก็จะใช้วิธีเจาะรู ให้เกิดเป็นรา เพื่อกระตุ้นกลิ่นหอม นักท่องเที่ยวสามารถชมวิธีการเจาะรูไม้กฤษณา และทดลองดมกลิ่นหอมที่ระเหย ออกมาจากต้นของมันได้ที่แปลงทดลองพันธุ์ไม้กฤษณาของ สถานีทดลองเกษตรที่สูงภูเรือ
สวนไม้หอมเฉลิมพระเกียรติ (หมายเลข 4)
สวนไม้หอมนี้ จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ในวโรกาสเจริญพระชมมายุครบ 5
รอบ โดยได้ทำการรวบรวมพันธุ์ไม้หอมทั้งหมด 25 ชนิด มาปลูกไว้ในที่เดียวกัน ได้แก่ สายน้ำผึ้ง แก้ว พุดสามสี ราตรี มะลิ พุดซ้อน ราชาวดี กระทิง มหาหงส์ นมแมง คัดเค้า บุหงาส่าหรี พุดจีบและกรรณิการ์นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมและสำรวจความหอมที่แตกต่างกันของพรรณไม้แต่ละชนิดได้ที่สวนแห่งนี้นอกจากนี้ติดกันกับสวนไม้หอมยังมีแปลงอบเชยเครื่องเทศสำคัญอีกชนิดหนึ่งที่สถานีฯ ทำการทดลอง เพื่อทดสอบพันธุ์ก่อนที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกต่อไป
ชิมสตรอเบอรี่จากแปลง (หมายเลข 5)
สตรอเบอรี่ ผลไม้ที่ไม่มีใครปฏิเสธความหวานฉ่ำอร่อยลิ้นของมันได้ สตรอเบอรี่ นอกจากจะมีรสชาติหวาน
ลิ้นแล้วยังเป็นแหล่งที่ให้เส้นใยอาหารเป็นอย่างดี ทุกวันนี้สตรอเบอรี่จึงพลิกบทบบาท กลายมาเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับเกษตรกรในพื้นที่สูง สตรอเบอรี่ ผลไม้เมืองหนาวชนิดนี้ได้ถูกนำมา ปลูกในเมืองหนาวชนิดนี้ได้ถูกนำมาปลูกในเมืองไทยราว 70 ปีมาแล้วเป็นสตรอเบอรี่พันธุ์พื้นเมืองซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนานำเข้าพันธุ์จากต่างประเทศ
มาทดลองปลูกมากมาย จนพบพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับการปลูกในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งในภายหลังได้นำมาทดลองปลูกในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ซึ่งในภายหลังได้นำมาทดลองปลูก ในพื้นที่อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย และพบว่าสามารถขึ้นได้ดี เนื่องจากมีความสูงพอสมควร มีอากาศเย็นและลักษณะดินพอเหมาะ จนทุกวันนี้มีพื้นที่หลายๆ แห่งในอำเภอภูเรือได้มีการปลูกสตรอเบอรี่ กันเป็นที่แพร่หลาย หากเดินทางมาที่นี่ในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม นักท่องเที่ยวคงอดใจไม่ได้ ที่จะขอลองลิ้นชิมรสความหวานหอมของสตรอเบอรี่ จากแปลงทดลองของที่นี่
แปลงมะคาเดเมีย และโรงอบมะคาเดเมีย (หมายเลข 6,7)
มะคาเดเมียนัท เป็นไม้ต้นสูงใหญ่ มีถิ่นกำเนิดในออสเตรเลีย ใบหนาทึบและแข็ง ดอกเป็นช่อยาว ประกอบ
ด้วยดอกเล็กๆ สีขาวเต็มช่อ ห้อยระย้าเต็มต้น มีกลิ่นหอมมมากในช่วงสิบปีที่ผ่านมา กรมวิชาการเกษตรได้มีความพยายามที่จะทดสอบพันธุ์มะคาเดเมียเพื่อทำการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจเนื่องจากผลมะคาเดเมีย
นั้นตลาดมีความต้องการสูง มีราคาแพงมากนิยมนำไปคั่วอบเกลือหรือเป็นส่วนผสมในช็อกโกแลต ที่ผ่านมาประเทศไทยต้องนำเข้ามาโดยตลอด ผลมะคาเดเมียนัท มีลักษณะเป็นลูกกลมๆ ขนาดประมาณ 1 นิ้ว สีเขียวเมื่อทุบเปลือกออก เนื้อในจะมันหวาน นิยมนำไปคั่วอบเกลือ เป็นของขบเคี้ยว นักท่องเที่ยวสามารถทดลองชิมมะคาเดเมียคั่วอบเกลือที่ทางสถานีฯ ได้ทดลองทำการอบเกลือบรรจุใส่ถุงสำหรับให้แขกที่มาเยือนได้ชิมหากติดใจก็อาจจะขอซื้อเป็นของฝากติดมือกลับบ้านได้ด้วย "บ้านไร่ปลายฟ้า"
โรงเรือนเพาะชำไม้กระถาง (หมายเลข 8)
หลังจากชมแปลงต่างๆ จนทั่วแล้ว "บ้านไร่ปลายฟ้า" อาจเป็นแหล่งสุดท้ายที่นักท่องเที่ยว จะมาแวะชม เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศ ชวนให้สดชื่นสบายตาสบายใจ ของโรงเรือนเพาะชำไม้กระถางต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้สำหรับปลูกในห้องแอร์ อย่างพวกกล็อกซีเนีย อาฟริกันไวโอเล็ต ผีเสื้อพิทูเนีย ไม้กระถางเหล่านี้ทางสถานีเพาะชำ
เพื่อสำหรับประดับตามสถานที่ต่างๆ ตามแต่ที่หน่วยงานต่างๆ จะขอมา รวมทั้งจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวที่สนใจอีกด้วย ใกล้ๆ กับบ้านไร่ปลายฟ้า มีโรงเรือน เพาะชำดอกหน้าวัวอยู่ไม่ไกลนัก สามารถแวะไปเที่ยวชมได้หรือหาซื้อติดมือกลับบ้านได้เช่นกัน สิ่งอำนวยความสะดวก การพักแรม สถานีทดลองเกษตรที่สูงภูเรือ มีบ้านพักรองรับนักท่องเที่ยว ได้ 2 หลัง แต่ละหลังพักได้ตั้งแต่ 6 - 10 คน มีที่กางเต็นท์ ตรงบริเวณลานสนสามใบ อยู่ไม่ไกลจากอาคารสำนักงานมากนัก สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 100 คน มีโรงครัวกลาง ขายอาหารตามสั่ง ทั้งนี้หากไปในช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์ ควรติดต่อไปล่วงหน้าเพื่อสอบถามเรื่องการพักแรม และอาหาร